โรงเพาะชำ หรือเรือนเพาะชำ คือสิ่งก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการเกษตร ซึ่งเหมาะสำหรับการเพาะปลูกเป็นหลัก โดยจะช่วยให้การเพาะพันธุ์ต้นไม้ หรือดอกไม้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก สามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเป็น อุณหภูมิ แสงแดด ความชื้น หรือน้ำ เป็นต้น
ซึ่งการต่อเติมพื้นที่รอบบ้านเป็นโรงเพาะชำ เป็นความฝันของผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติ โดยส่วนสำคัญของโรงเพาะชำคือ “หลังคา” ส่งผลต่อการรับแสง และความร้อน ดังนั้น D-Lite จึงขอมาแนะนำเคล็ดลับในการเลือกกันสาดที่ตอบโจทย์ พร้อมแชร์ ไอเดียการสร้างโรงเพาะชำ ให้พร้อมรับทุกสภาพอากาศ ถ้าพร้อมกันแล้ว ตามไปดูกันเลย
รู้หรือไม่ ? แผ่นกันสาดถึงมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช
การเลือกแผ่นกันสาด มีผลสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช เพราะสามารถควบคุมปริมาณแสงแดด ความร้อน และรังสี UV ที่พืชได้รับ ซึ่งถ้าหากมีการเลือกแผ่นกันสาดที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้พืชเติบโตอย่างแข็งแรง และมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ดังนั้น จึงควรเลือกแผ่นกันสาดที่มีคุณสมบัติ ที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช ดังนี้
- แสงสามารถส่องผ่านได้
หลังคาโรงเพาะชำที่เหมาะสม ควรเลือกใช้แผ่นหลังคาแบบโปร่งแสง เพื่อให้รับแสงสว่างจากธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังควรเลือกแผ่นหลังคาโปร่งแสง ที่มีคุณสมบัติให้แสงผ่านไม่มากจนเกินไป เนื่องจากว่า หากพืชผักได้รับแสงแดดที่มากเกินไป หรือแสงแดดจัด ก็จะทำให้เกิดปัญหาใบไหม้ และปัญหาต้นไม้แคระแกร็น
- ป้องกันรังสี UV
สิ่งที่มาพร้อมกับแสงแดด คือรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งมีผลกระทบต่อพืชโดยตรง โดยจะเข้ามายับยั้งกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ทำให้การออกดอก หรือออกผลของพืชช้าลง
- ความแข็งแรง
การต่อเติมพื้นที่บ้าน จำเป็นต้องคำนึงถึงความปลอดภัย โดยควรเลือกแผ่นหลังคาที่สามารถป้องกันฝนตก และแรงลม ที่อาจเป็นอันตรายแก่พืชพันธุ์ในโรงเพาะชำได้
ไอเดียต่อเติมโรงเพาะชำด้วยแผ่นกันสาด ให้พร้อมรับสภาพอากาศไทย
พืชพันธุ์ที่ปลูกในโรงเพาะชำส่วนใหญ่ เป็นพืชที่มีขนาดเล็ก และไม่มีรากแก้ว เช่น ผักสวนครัว ไม้พุ่ม ไม้ประดับ หรือต้นกล้าของไม้ยืนต้น ทำให้การออกแบบโรงเรือน สามารถทำได้หลากหลายวิธี โดยไอเดียต่อเติมโรงเพาะชำด้วยกันสาด ที่น่าสนใจมี ดังนี้
แชร์ เทคนิคเลือกกันสาด ให้เข้ากับคาเฟ่ริมทะเล
- ขนาดของพื้นที่
การสร้างโรงเพาะชำ สามารถทำได้หลากหลายขนาด ซึ่งขึ้นอยู่ขนาดพื้นที่ของแต่ละบ้าน โดยสามารถแบ่งได้ 3 รูปแบบ ได้แก่
- โรงเรือนกระบะ: โรงเรือนขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการเพาะเมล็ดพันธุ์ โดยมีลักษณะแบบก่ออิฐยกสูงลาดเอียงไปด้านหน้า และใช้กันสาดโปร่งแสงติดตั้งไว้ด้านบนให้สามารถยกเปิด-ปิดได้สะดวก
- โรงเรือนสำหรับคนเมือง: โรงเรือนขนาดกลาง เหมาะกับคนที่มีพื้นที่บ้านในขนาดหนึ่ง โดยคุณสามารถนำกันสาดโปร่งแสงมาติดตั้ง เป็นผนังแทนแผ่นพลาสติก
- โรงเรือนกระจก: โรงเพาะชำขนาดใหญ่ เหมาะกับพื้นที่บ้านขนาดกว้าง ๆ ซึ่งเป็นโรงเรือนเต็มระบบที่สามารถควบคุมได้ ทั้งความชื้น และการระบายอากาศได้ ทั้งนี้ สามารถนำกันสาดโปร่งแสงทำผนังกั้นแยกพันธุ์ไม้ และจัดสรรพื้นที่ต่าง ๆ เช่น พื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ทำงาน และพื้นที่เก็บอุปกรณ์ เป็นต้น
- โครงสร้างโรงเพาะชำ
สำหรับโครงสร้างโรงเพาะชำ เพื่อให้คุ้มค่าต่อการก่อสร้าง ควรเลือกวัสดุที่ตรงกับขนาดของโรงเรือน และสภาพภูมิอากาศของพื้นที่ ดังนี้
- โครงสร้างเหล็ก: เหมาะกับพื้นมีลมแรง หรือมีพายุมรสุมบ่อยครั้ง เช่น ภาคใต้ ทั้งยังมีความแข็ง และทนทานต่อการเจาะของแมลง
- โครงสร้างไม้: เหมาะกับโรงเรือนขนาดกลาง และขนาดเล็ก ทำให้รู้สึกอบอุ่น และสวยงามเข้ากับบ้านในทุกสไตล์
- โครงสร้างอะลูมิเนียม: สามารถใช้แทนโครงสร้างเหล็กได้ อีกทั้งไม่เป็นสนิม จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่อยากได้โครงสร้างโรงเพาะชำที่แข็งแรง
- ติดตั้งระแนงไม้
การติดตั้งระแนงไม้ให้กับโรงเพาะชำ นอกจากเพิ่มความสวยงามให้โรงเรือนแล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการลดแสงที่ส่องมาได้อีกด้วย ซึ่งการติดตั้งระแนงไม้ก็สามารถติดตั้งได้ทั้งส่วนผนัง และหลังคา
- เลือกชนิดแผ่นหลังคา
วัสดุหลังคาที่เหมาะกับการเพาะปลูก จะต้องเป็นวัสดุโปร่งแสง เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้าสู่พื้นที่ด้านใน ซึ่งวัสดุแผ่นหลังคาโปร่งแสงที่นิยม ได้แก่
- ไฟเบอร์กลาส: สามารถกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง และป้องกันรังสี UV 99 % ทั้งยังใช้งานได้อย่างยาวนาน
- โพลีคาร์บอเนต: น้ำหนักเบา เหมาะกับโครงสร้างโรงเพาะชำต่าง ๆ
- อะคริลิก: มีความแข็งแรง และทนทานต่อทุกสภาพอากาศ
ทั้งนี้ การต่อเติมโรงเพาะชำด้วยกันสาด เป็นวิธีที่ช่วยให้การเพาะปลูกมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากการเลือกวัสดุที่เหมาะสมแล้ว การคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น การรับแสงธรรมชาติ การป้องกันรังสี UV และความแข็งแรงทนทานของโครงสร้างล้วนมีความสำคัญ ด้วยไอเดียการออกแบบที่หลากหลาย
และการใช้กันสาดโปร่งแสงอย่างเหมาะสม โรงเพาะชำจึงสามารถปรับให้เข้ากับพื้นที่บ้าน และสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี ช่วยให้พืชพันธุ์เจริญเติบโตแข็งแรงในทุกฤดูกาล
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.d-lite.co.th/