เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อประกันรถยนต์เปิด-ปิด ผ่านหูกันมาบ้างแล้ว รวมถึงมีผู้ใช้บางส่วนที่บอกว่าคุ้ม และบางส่วนที่บอกว่าไม่คุ้ม แล้วจะเชื่อใครล่ะ? วันนี้เราจะมาให้คำตอบคุณเอง ว่าคุ้มจริงหรือไม่!
ประกันรถยนต์เปิด-ปิด คืออะไร
ประกันรถยนต์เปิด-ปิด เป็นประกันรถยนต์ที่ผู้ใช้สามารถเลือกเปิด-ปิดเพื่อรับความคุ้มครองขณะขับขี่ได้ตามความต้องการ โดยทางบริษัทประกันจะคิดค่าเบี้ยประกันตามเวลาที่ใช้งานจริง โดยการทำประกันรถยนต์เปิด-ปิดจะให้ความคุ้มครอง และคิดค่าเบี้ยประกันเฉพาะเมื่อผู้เอาประกันเลือกเปิดรับความคุ้มครองผ่านแอปพลิเคชัน และเมื่อปิดความคุ้มครองขณะจอดรถก็จะไม่มีการคิดค่าเบี้ยประกันแต่อย่างใด โดยผู้เอาประกันสามารถเลือกระยะความคุ้มครองได้ตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึง 12 เดือน และมีให้เลือกทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2+ และชั้น 3+ แล้วแต่ความต้องการของผู้เอาประกัน ซึ่งประกันรถยนต์เปิดปิดนั้นจะเหมาะกับผู้ที่ใช้รถยนต์น้อย ขับรถไม่ค่อยบ่อย หรือใช้งานเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
ข้อดีของประกันรถยนต์เปิด-ปิด
1.เนื่องจากภายในรถยนต์ของผู้เอาประกันนั้น ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับติดตามพิกัดของบริษัทประกันไว้ ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถหาตำแหน่งรถยนต์ของผู้เอาประกันได้อย่างรวดเร็ว
2.ค่าเบี้ยประกันที่คิดตามการเปิดใช้งานจริง
3.สามารถเลือกประเภทของประกัน และมีระยะเวลาคุ้มครองให้เลือกหลากหลาย
4.แอปพลิเคชันมีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ตั้งแต่การเปิด-ปิดความคุ้มครอง การเช็คระยะเวลาคุ้มครองที่เหลือ และการต่อประกัน
ข้อเสียของประกันภัยรถยนต์เปิด-ปิด
1.หากคุณขับรถแล้วไม่ได้เปิดใช้งานความคุ้มครอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากบริษัทประกันได้เลย
2.บริษัทที่ทำประกันภัยรถยนต์แบบเปิด-ปิดนั้นยังมีไม่มาก ทำให้มีตัวเลือกน้อย
3.ต้องหมั่นตรวจเช็คระยะเวลาคุ้มครองที่เหลืออยู่เป็นประจำ
หลักการใช้งานของประกันรถยนต์เปิด-ปิด
การใช้งานประกันรถยนต์เปิด-ปิดนั้นก็ไม่ยาก เมื่อผู้เอาประกันตัดสินใจทำสัญญากับบริษัทหรือตัวแทนประกันภัยเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทประกันจะให้อุปกรณ์สำหรับติดตามพิกัดรถยนต์ของคุณ จากนั้นโหลดแอปพลิเคชันของบริษัทประกันที่เลือก และเปิดใช้งานประกันเพื่อเริ่มนับเวลาคุ้มครองขณะขับรถ และปิดเมื่อเลิกใช้งานรถยนต์ โดยก่อนเริ่มใช้งานจะต้องเปิด Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ติดตามพิกัดทุกครั้ง
ความคุ้มครองของประกันรถยนต์เปิด-ปิด
ประกันรถยนต์เปิด-ปิดจะให้ความคุ้มครองเช่นเดียวกับประกันรถยนต์ทั่วไป โดยขึ้นอยู่กับประเภทประกันที่ผู้เอาประกันเลือก คือประกันรถยนต์ชั้น 1 ชั้น 2+ และ ชั้น 3+ หากคุณเลือกใช้ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้น 2+ แล้วเกิดเหตุรถยนต์สูญหายหรือไฟไหม้ในระหว่างที่ไม่ได้เปิดรับความคุ้มครองผ่านแอปพลิเคชัน ก็ยังคงได้รับความคุ้มครองอยู่เช่นกัน
จะเห็นได้ว่าประกันรถยนต์เปิด-ปิดนั้นเหมาะกับผู้ที่ใช้งานรถยนต์น้อย มากกว่าผู้ที่ต้องใช้รถยนต์เป็นประจำ เพราะเบี้ยประกันจะถูกคิดตามระยะเวลาที่เปิดใช้ความคุ้มครอง ซึ่งผู้เอาประกันก็สามารถเลือกระยะเวลาในการเอาประกันให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ของตนได้อย่างหลากหลาย ทั้งนี้ ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ทุกครั้ง ผู้เอาประกันควรศึกษาเงื่อนไข และรายละเอียดของประกันแต่ละประเภทก่อนเสมอ รวมถึงเลือกประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุ สูญหาย และภัยธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าที่สุด และไม่ต้องเสียเงินซ้ำหลายต่อ
หากคุณสงสัยเรื่องใดเกี่ยวกับประกันรถยนต์ ก็สามารถติดตามเรื่องราวประกันดีๆ ได้ที่ thaiinsurancehint ซึ่งเราจะอัพเดตข้อมูลและข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยรถยนต์ให้คุณแบบจัดเต็ม เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ได้ง่ายขึ้น โดยไม่เข้าข้างบริษัทประกันใดๆ และให้แต่ข้อมูลที่เป็นจริงที่สุด